มฟล. จัดพิธีดำหัวนายกสภา และ อธิการบดี เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ปี๋ใหม่เมือง 2565

หมวดหมู่ข่าว: ข่าวเด่น

     มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) จัด พิธีดำหัวนายกสภามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ปี๋ใหม่เมือง ประจำปี 2565 เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2565 ณ ห้องประชุมเชียงแสน อาคารวันชัย ศิริชนะ มฟล. โดยได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.วันชัย ศิริชนะ นายกมภามหาวิทยาลัยและอธิการบดีผู้ก่อตั้ง และ รองศาสตราจารย์ ดร.ชยาพร วัฒนศิริ อธิการบดี เป็นประธานในพิธี มีคณะผู้บริหารและหัวหน้าหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยเข้าร่วมพิธีพร้อมเพรียง

      รองศาสตราจารย์ ดร.นันทนา คชเสนี รองอธิการบดี เป็นตัวแทนชาว มฟล. กล่าวคําสูมาคารวะและขอพรเนื่องในโอกาสปี๋ใหม่เมือง ว่าเนื่องในโอกาสปี๋ใหม่เมือง ประจำปี 2565 ได้เวียนมาครบอีกวาระหนึ่ง ในนามผู้แทนผู้บริหารและพนักงานมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงทุกคน ขอน้อมสูมาคารวะท่านนายกสภามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ด้วยน้ำขมิ้นส้มป่อย มวลบุปผา และของหอม พร้อมทั้งเครื่องสักการะตามแบบแผน และขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของชาวล้านนา ที่ถือปฏิบัติสืบทอดต่อกันมายาวนาน

      “ในช่วงเวลาที่ผ่านมา หากผู้ร่วมพิธีรดน้ำดำหัวในวันนี้ ได้ล่วงเกินท่านนายกสภามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมก็ตาม ขอท่านนายกสภามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงและท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้โปรดให้อภัยต่อพวกเราทั้งหลาย และในศุภวาระดิถีขึ้นปีใหม่เมืองในครั้งนี้ ในฐานะผู้แทนผู้บริหารและพนักงานมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ขอถือโอกาสในวาระอันเป็นมงคลนี้ กราบขอพรจากท่านนายกสภามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เพื่อความเป็นสิริมงคล ความเจริญรุ่งเรือง และความผาสุกร่มเย็นตลอดไป” รองอธิการบดี กล่าว

      ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.วันชัย ศิริชนะ นายกมภามหาวิทยาลัยและอธิการบดีผู้ก่อตั้ง ได้กล่าวและให้พรกับผู้เข้าร่วมพิธี ความตอนหนึ่งว่า ขอขอบคุณในน้ำใจไมตรีที่มอบให้ในวันนี้ ที่ได้เชิญให้มาร่วมพิธีดำหัว ซึ่งเป็นประเพณีทั้งของไทยและของล้านนาที่เรายึดถือปฏิบัติกันมาแต่บรรพกาล

       “การที่พวกเราได้มาในวันนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม ที่ผู้น้อยได้มาขอพรจากผู้ใหญ่ ผู้ซึ่งมีความรักใคร่เคารพนับถือกัน ผู้ซึ่งเคยมีบุญคุณต่อกัน ผูกพันกัน ได้มาแสดงความระลึกถึงที่มีอยู่ต่อกัน เพราะฉะนั้นประเพณีดำหัวจึงเป็นประเพณีที่น่าภาคภูมิใจของคนไทยและคนในแถบล้านนาเกือบทั้งหมด ในปีหนึ่งก็จะได้มีโอกาสมาแสดงออกทั้งด้วยภาษากาย คือได้เดินทางมาและก็มามอบน้ำขมิ้นส้มป่อย พร้อมด้วยของทั้งหลายเพื่อแสดงความคิดถึง ด้านภาษาใจก็คือความรู้สึกในใจที่ปิติ ที่ได้แสดงออกซึ่งความรู้สึกที่ดีๆ ที่มีต่อกัน หรือความจริงใจจะเห็นได้ในโอกาสนี้ ก็ถือว่าเป็นการแสดงออกที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม อารมณ์ และก็ความรู้สึกนึกคิด แล้วก็มักจะถือโอกาสนี้ขออโหสิกรรม ขอสุมาลาโทษในสิ่งซึ่งผู้น้อยได้กระทำต่อผู้ใหญ่ ในสิ่งซึ่งผู้น้อยอาจจะทำไปโดยไม่ได้คิด ทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ถือว่าเป็นกิจกรรมทางจิตใจที่ดีงาม ผู้ใหญ่ก็จะรู้สึกปลาบปลื้ม ชื่นชมยินดี เมื่อชื่นชมยินดีแล้วจิตใจก็ผ่องใส แล้วก็พร้อมจะให้พร”

     “ขออานิสงส์แห่งความตั้งใจดีและกุศลจิตกุศลกรรม ที่ทุกคนได้มุ่งมาดปรารถนาที่จะมาทำพิธีกรรมดำหัวในวันนี้ จงดลบันดาลให้ทุกคนนั้น ได้มีความสุข ได้ทุกสิ่งทุกอย่างดังที่ปรารถนา ด้วยกุศลกรรมทั้งหลายที่ทุกคนได้ทำ และในขณะเดียวกันก็ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเรามีความเคารพนับถือ อันประกอบไปด้วย พ่อขุนมังรายมหาราช พระธาตุเจ้าดอยตุง รวมทั้งดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้โปรดเมตตาปกปักรักษาคุ้มครองให้พวกเรา ได้มีกำลังกายกำลังใจที่เข้มแข็ง มั่นคง มีสติปัญญา รู้ผิดรู้ชอบ รู้ถูกรู้ควร เพื่อที่จะได้ปฏิบัติกิจการงานให้สำเร็จลุล่วง เป็นประโยชน์ต่อตนเองและประเทศชาติตลอดไป” นายกสภามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าว

     จากนั้น รองศาสตราจารย์ ดร.ชยาพร วัฒนศิริ อธิการบดี ได้กล่าวในโอกาสนี้ว่า มหาวิทยาลัยห่างหายจากการจัดพิธีนี้ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และในปีนี้มีโอกาสได้มาจัดอีกครั้ง เพื่อให้เป็นสิ่งดีๆ และเป็นสิริมมงคลกับทีมงานของมหาวิทยาลัยทุกคน ได้มีกำลังใจสำคัญในโอกาสของวันขึ้นปีใหม่เมือง ซึ่งเป็นประเพณีปฏิบัตินิยมของชาวล้านนาและคนที่อยู่ภาคเหนือ

     “ในวันนี้พวกเรามีโอกาสได้มาแสดงมุทิตาความปรารถนาดี และความระลึกถึงในสิ่งที่เกิดขึ้น ในฐานะที่ร่วมดำเนินงานมาที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ สำหรับโอกาสนี้นับเป็นครั้งแรกสำหรับตนเองที่เป็นเทศกาลปีใหม่เมืองและได้มาให้พรหรือว่ารับพรจากทุก ๆ ท่านในโอกาสเดียวกัน ประการแรกขอชื่นชมและขอขอบคุณทีมงานของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงทุกหัวใจ ทุกคน ที่ผ่านวิกฤตการณ์ที่ไม่ธรรมดามาด้วยกัน ตั้งแต่ดิฉันเริ่มเข้าสู่ตำแหน่งอธิการบดี ซึ่งตรงกับวันนี้ คือวันที่ 29 เมษายน 2562 จนครบขวบ 3 ปี ต้องขอขอบคุณทุก ๆ คน ผู้บริหารและฝ่ายสนับสนุน ที่มีน้ำใจ มีความเข้าใจ มีความมุ่งมั่น พร้อมรับในสถานการณ์ที่เปลี่ยนผัน ไม่เคยเหมือนเดิมเลย ตั้งแต่เราทำงานด้วยกันมา คิดว่าตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยก็ไม่มีสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน”

     “ขอขอบคุณด้วยหัวใจ สำหรับทุกคนที่ร่วมกันเป็นพลังขับเคลื่อน และสามารถฝ่าฟัน ทำให้กลไกของการทำงานดำเนินก้าวหน้าต่อเนื่องมาอย่างไม่หยุดยั้ง และสามารถยังประโยชน์ให้กับคนที่เราดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งผู้เรีย น และผู้มารับประโยชน์ มีส่วนได้ส่วนเสียของมหาวิทยาลัยทุกภาคส่วน มีความรู้สึกที่ต้องบอกว่าทุกคนทำงานหนักมาก และทุกคนปรับเปลี่ยนการทำงานไปหลายรูปแบบ เปลี่ยนกลไกในการทำงานแต่เราก็ผ่านไปได้ด้วยดี”

     “ประการที่สองที่ฉันขออโหสิกรรมเช่นกันนะคะ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ได้ล่วงเกิน ไม่ว่าด้วยกายกรรม วจีกรรม หรือมโนกรรม ที่เราได้ร่วมงานกันมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็ขออโหสิกรรมจากผู้ร่วมงานทุกคน และทีมงาน รวมทั้งท่านนายกสภามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงด้วย ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการอยู่ร่วมกัน และทำให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้งมาจนถึงปัจจุบัน และโอกาสนี้ดิฉันขอน้อมนำเอาคุณพระศรีรัตนตรัยที่เคารพบูชา และศาสนาของทุกท่านที่เคารพนับถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และด้วยบุญญาบารมีของสมเด็จย่า ที่เป็นที่รักและเป็นกำลังใจของพวกเรา ที่ร่วมกันทำงานที่นี่ ได้ดลบันดาลให้ทุกท่านประสบแต่ความสุข ความเจริญ สุขภาพพลานามัยแข็งแรง เป็นที่รักใคร่ มีความสุขพ้นโพยภัยภยันอันตรายใด ๆ ทั้งปวง และมีกำลังเพื่อที่จะเป็นพลังในการสานต่อทำงานร่วมกันสืบต่อไป และขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง ขอให้มีความสุขทุกท่านค่ะ” อธิการบดี กล่าว

 

คลิก ชมอัลบั้มภาพ

 

  • 698 ครั้ง