มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) จัดพิธีปัจฉิมนิเทศ นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 6 ให้แก่ว่าที่บัณฑิตที่จะสำเร็จการศึกษา จำนวน 33 คน เป็นบัณฑิตแพทย์รุ่นที่ 6 โดยพิธีจัดขึ้นที่อาคารสำนักวิชาแพทยศาตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567 มีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มัชฌิมา นราดิศร อธิการบดี เป็นประธานเปิดงานและให้โอวาท ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ. ศุภกร โรจนนินทร์ รักษาการแทนคณบดีสำนักวิชาแพทยศาสตร์ กล่าวรายงานและปัจฉิมโอวาท
.
พิธีปัจฉิมนิเทศของนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่6 จัดขึ้นเนื่องจากการจบการศึกษาเป็นก้าวสำคัญ การจัดพิธีปัจฉิมนิเทศถือเป็นการประกาศการเปลี่ยนบทบาทจากนักศึกษาแพทย์ไปทำหน้าที่ของแพทย์อย่างเต็มตัว เตรียมพร้อมสู่สังคมการทำงานภายนอกโรงเรียนแพทย์ พร้อมใช้ความรู้ความสามารถที่ได้รับการฝึกฝนมาตลอด 6 ปีอย่างเต็มความสามารถในการปฏิบัติงานต่อไปทั้งยังมีกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับ Work Life Balance ต่อเนื่องไปจนจบกิจกรรม
.
ทั้งนี้ อธิการบดี ได้กล่าวให้โอวาทแก่นักศึกษาแพทย์ รุ่นที่ 6 ว่า ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จก้าวแรกของบัณฑิต ที่เกิดจากความมานะ อุตสาหะตลอดระยะเวลา 6 ปี ของการเป็นนักศึกษาแพทย์ เป็นความภูมิใจของคณาจารย์ และสิ่งสำคัญจากนี้คือเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วนำความรู้และทักษะวิชาชีพไปใช้ดูแลผู้ป่วยเต็มกำลังความสามารถ ปฏิบัติงานด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ต่อตนเองอย่างภาคภูมิ และยึดมั่นจริยธรรมการเป็นแพทย์ พร้อมฝากระลึกถึงพระราชดำริของพระราชบิดาที่ทรงพระราชทานไว้ว่า “ฉันไม่ต้องการให้เธอเป็นหมอเท่านั้น แต่ฉันต้องการให้เธอเป็นคนด้วย”
.
ด้านคณบดี กล่าวว่า นักศึกษาแพทย์รุ่นนี้ได้รับการพัฒนาจากครูอาจารย์ทั้งในชั้นปรีคลินิกและชั้นคลินิกอย่างใกล้ชิด เนื่องจากนักศึกษามีจำนวนไม่มาก รวมถึงตัวนักศึกษาเองก็มีนักศักยภาพที่จะพัฒนาตนเองให้ศึกษาเล่าเรียนจนจบเป็นบัณฑิตแพทย์ ทั้งได้ฝากหลักยึดมั่นสำหรับชีวิตการทำงานเป็นแพทย์ ว่า ขอให้ยึดมั่นตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรมและพระบรมราชชนก ที่ว่า ‘ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งวิชาชีพไว้ให้บริสุทธิ์’ นอกจากนี้ขอให้นักศึกษาประกอบสัมมาอาชีพด้วยความวิริยะอุตสาหะ พากเพียร อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อดูแลประชาชน พัฒนาองค์กร สร้างความเจริญให้แก่ตนเอง ครอบครัว ประเทศชาติ และส่วนรวมต่อไป
