มฟล.จัดสัมมนาวิชาการเนื่องในวันรพี ประจำปี 2561 เรื่อง ‘เจาะลึก (ร่าง) พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ... กับอนาคตเกษตรกรไทย’ ไปแล้วเมื่อ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา

หมวดหมู่ข่าว: ข่าวเด่น

          เมื่อเร็วๆ นี้ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) โดยสำนักวิชานิติศาสตร์ จัดให้มีการเสวนาทางวิชาการในหัวข้อเรื่อง ‘ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ....กับอนาคตเกษตรกรไทย’ ที่อาคารพลตำรวจเอกเภา สารสิน หรือ อาคารซี5 ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2560 โดยมี ดร.อัจฉริยา วงษ์บูรณาวาทย์ อาจารย์ประจำสำนักวิชานิติศาสตร์ มฟล.ดำเนินรายการและวิทยากรคือ รศ.ดร.สุรวิช วรรณไกรโรจน์ อาจารย์ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผศ.ดร.สมชาย รัตนชื่อสกุล คณบดีคณะนิติศาสตร์ปรีดีพนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต และอาจารย์อริศรา เหล็กคำ อาจารย์ประจำสำนักวิชานิติศาสตร์ มฟล.ร่วมเสวนาและมี ดร.รุ่ง ศรีสมวงษ์ รักษาการคณบดีสำนักวิชานิติศาสตร์ มฟล.เป็นประธานในพิธีเปิดโดยมีนักศึกษาและเกษตรกรเข้าร่วมประมาณ 70 คน

           กรณีการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติ หรือ พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ.2542 ที่ขณะนี้(9 พ.ย.)อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็น ก่อนนำเสนอกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ ครม.ต่อไปนั้น รักษาการคณบดี กล่าวระหว่างการเปิดงานว่า “ร่างกฎหมายดังกล่าวหากประกาศบังคับใช้จะมีผลกระทบต่อประเทศไทยทั้งต่อเกษตรกรโดยตรงและความมั่นคงทางอาหารในอนาคต ปัจจุบันหน่วยงานที่นำเสนอร่างกฎหมายกำลังรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนจึงเป็นเรื่องที่ประชาชนจำเป็นต้องแสดงความคิดเห็นเพื่อกำหนดอนาคตของประเทศได้ต่อไป สำนักวิชานิติศาสตร์จึงได้จัดเสวนาขึ้นเพื่อเผยรายละเอียดและอภิปรายผลกระทบให้แก่ประชาชนทั่วไปได้ใช้เป็นข้อมูลต่อไป”

          โดยในวงเสวนาได้มุ่งอธิบายถึงที่มาของร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวที่มีการขยายความคุ้มครองพันธ์พืชในระดับที่อาจส่งผลกระทบต่อนักปรับปรุงสายพันธ์พืช เกษตรกรรายใหญ่ รายย่อย และโดยเฉพาะผู้บริโภค ในหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นราคาผลผลิตทางการเกษตรที่ต้องปรับราคาสูงจากต้นทุนการผลิตที่เป็นไปได้ว่าเกษตรกรต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ใหม่เพาะปลูกเพื่อการค้าทุกครั้งอาจไม่สามารถเก็บหรือเพาะเมล็ดพันธุ์เพื่อการเพาะปลูกในครั้งต่อไปหรือการนำผลิตผลทางการเกษตรนั้นแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ว่าสามารถทำได้อย่างไรบ้าง นอกจากนี้ยังได้ถกกันถึงประเด็นนิยามพันธ์พืชพื้นเมือง พืชป่า เนื่องจากร่าง พ.ร.บ.ใหม่นั้นพูดถึงความคุ้มครองที่มีต่อพันธ์พืชใหม่ ตลอดจนมีการปรับระยะเวลาคุ้มครองพันธุ์พืชกลุ่มต่างๆในระยะเวลาที่นานมากขึ้น

          ทั้งนี้การเสวนาดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมหลากหลาย ทั้งนักศึกษา คณาจารย์ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ที่แสดงความกังวลต่อร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยระบุว่ามีความซับซ้อนยากที่จะทำความเข้าใจ และมีความกลัวต่อผลกระทบที่จะติดตามมาหลังการประกาศใช้ โดยในตอนท้ายของการเสวนามีการตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการประกาศใช้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวว่ามีมากน้อยอย่างไรนั้น วงเสวนาตอบคำถามว่า “โอกาสมากน้อยที่จะประกาศใช้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ขึ้นอยู่กับพวกเรา หากอยู่เฉยก็มีโอกาสมาก ต้องแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ให้มี กระจายข้อมูลออกไปเป็นวงกว้างให้กับคนที่ไม่มีโอกาสได้มารับฟังวันนี้”

หมายเหตุ อ่านข่าวดังกล่าวในสื่อผู้จัดการออนไลน์ คลิก
  • 2084 ครั้ง